Friday, June 29, 2007

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


พระนาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนามเต็ม สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ วรุตมพงษบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรม มหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระนามย่อ - พระนามเดิม สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชวรวิวงศ์วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร พระราชสมภพ วันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๓ ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๙๖ เป็นพระราชบุตรองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ ๑ ในสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับ พุทธศักราช ๒๔๑๑ รวมสิริดำรงราชสมบัติ ๔๒ ปี พระราชโอรส-ราชธิดา รวมทั้งสิ้น ๗๗ พระองค์ สวรรคต เมื่อวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๓ ด้วยโรคพระวักกะ รวมพระชนมพรรษา ๕๘ พรรษา วัดประจำรัชกาล วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เหตุการณ์สำคัญ เสียดินแดนให้ฝรั่งเศส ครั้งที่ ๑ เสียเขตแดนเขมรส่วนนอก เนื้อที่ประมาณ ๑๒๓,๐๕๐ ตารางกิโลเมตร และเกาะอีก ๖ เกาะ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๐ ครั้งที่ ๒ เสียอาณาจักรล้านช้าง (หรือหัวเมืองลาว) โดยยึดเอาดินแดนสิบสองจุไทย และได้อ้างว่าดินแดนลวงพระบาง เวียงจันทน์ และนครจำปาศักดิ์ เคยเป็นประเทศราชของญวนและเขมรมาก่อน จึงบีบบังคับเอาดินแดนเพิ่มอีก เนื้อที่ประมาณ ๓๒๑,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ฝรั่งเศสข่มเหงไทยอย่างรุนแรงโดยส่งเรือรบล่วงเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า ฝ่ายไทยยิงปืนไม่บรรจุกระสุน ๓ นัดเพื่อเตือนให้ออกไป แต่ทางฝรั่งเศสกลับระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาเป็นอันมาก เกิดการรบกันพักหนึ่ง ในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ฝรั่งเศสนำเรือรบมาทอดสมอ หน้าสถานฑูตของตนในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ (ทั้งนี้ประเทศอังกฤษ ได้ส่งเรือรบเข้ามาลอยลำอยู่ ๒ ลำ ที่อ่าวไทยเช่นกัน แต่มิได้ช่วยปกป้องไทยแต่อย่างใด) ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทย ๓ ข้อ ให้ตอบใน ๔๘ ชั่วโมง เนื้อหา คือ ๑.ให้ไทยใช้ค่าเสียหายสามล้านแฟรงค์ ๒.ให้ยกดินแดนบนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเกาะต่างๆ ในแม่น้ำด้วย๓.ให้ถอนทัพไทยจากฝั่งแม่น้ำโขงออกให้หมดและไม่สร้างสถานที่สำหรับการทหาร ในระยะ ๒๕ กิโลเมตร ทางฝ่ายไทยไม่ยอมรับในข้อ ๒ ฝรั่งเศสจึงส่งกองทัพมาปิดอ่าวไทย เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม - ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ และยึดเอาจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดตราดไว้ เพื่อบังคับให้ไทยทำตาม ไทยเสียเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ คือประมาณ ๕๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ และฝรั่งเศสได้ยึดเอาจันทบุรีกับตราด ไว้ต่ออีก นานถึง ๑๑ ปี (พ.ศ. ๒๔๓๖ - พ.ศ. ๒๔๔๗) ปีพ.ศ. ๒๔๔๖ ไทยต้องทำสัญญายกดินแดนให้ฝรั่งเศสอีก คือ ยกจังหวัดตราดและเกาะใต้แหลมสิงห์ลงไป (มีเกาะช้างเป็นต้น) ไปถึงประจันต์คีรีเขต (เกาะกษ) ดังนั้นฝรั่งเศสจึงถอนกำลังจากจันทบุรีไปตั้งที่ตราด ในปีพ.ศ. ๒๔๔๗ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ไทยต้องยกดินแดนมณฑลบูรพา คือเขมรส่วนใน ได้แก่เสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศสอีก ฝรั่งเศสจึงคืนจังหวัดตราดให้ไทย รวมถึงเกาะทั้งหลายจนถึงเกาะกูด รวมแล้วในคราวนี้ ไทยเสียเนื้อที่ประมาณ ๖๖,๔๕๕ ตารางกิโลเมตร และไทยเสียดินแดนอีกครั้งทางด้านขวาของแม่น้ำโขง คืออาณาเขตเมืองหลวงพระบาง ในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๐ พ.ศ.๒๔๑๒ เริ่มสร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พ.ศ.๒๔๑๔ เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวาเป็นครั้งแรก ต้นปี ยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทย เสด็จประพาส อินเดีย ปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ต่อปีพ.ศ. ๒๔๑๕ (ปีวอก) พ.ศ.๒๔๑๕ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวัง คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เริ่มปรับปรุงการทหารครั้งใหญ่ เริ่มใช้เสื้อราชประแตน พ.ศ.๒๔๑๖ ทรงมีพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา ทรงผนวช โปรดเกล้าฯ ให้เลิกประเพณีหมอบคลาน เวลาเข้าเฝ้า โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ พ.ศ.๒๔๑๗ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน หรือ รัฐมนตรีสภาและองคมนตรีสภา วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๑๗ ปีจอ ออกพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาส ลูกไท กำเนิดโรงเรียนสตรีวังหลัง ใช้เงินอัฐกระดาษ แทนเหรียญทองแดง ตั้งพิพิธภัณฑสถาน พ.ศ.๒๔๑๘ สงครามปราบฮ่อ ครั้งแรก เริ่มการโทรเลขครั้งแรกระหว่างกรุงเทพ-สมุทรปราการ พ.ศ.๒๔๒๔ สมโภชพระนครครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ.๒๔๒๖ ตั้งกรมไปรษณีย์ เริ่มเปิดบริการไปรษณีย์ครั้งแรกในพระนคร ตั้งกรมโทรเลข สงครามปราบฮ่อ ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๔๒๗ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎรทั่วๆ ไป ตามวัดต่างๆ เริ่มแห่งแรกที่วัดมหรรณพาราม พ.ศ.๒๔๒๙ โปรดเกล้าฯ ให้เลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงประกาศตั้งตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมารขึ้น และทรงสถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นสยามมกุฎราชกุมารเป็นพระองค์แรก สงครามปราบฮ่อ ครั้งที่ ๓ ไทยสมัครเข้าเป็นภาคีสหภาพไปรษณีย์สากล พ.ศ.๒๔๓๐ ตั้งกรมยุทธนาธิการทหาร (กระทรวงกลาโหม) ตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารบก ตั้งกระทรวงธรรมการ สงครามปราบฮ่อ ครั้งที่ ๔ พ.ศ.๒๔๓๑ ทรงเริ่มการทดลองจัดการปกครองส่วนกลางแผนใหม่ เริ่มดำเนินการพิมพ์พระไตรปิฎกเป็นครั้งแรก ใช้รัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) เป็นศักราชในราชการ ตั้งกรมพยาบาล เปิดโรงพยาบาลศิริราช ตราพระราชบัญญัติ เลิกวิธีพิจารณาโทษตามแบบจารีตนครบาล เสียดินแดน แคว้นสิบสองจุไทยให้ฝรั่งเศส พ.ศ.๒๔๓๒ เริ่มใช้วันทางสุริยคติในราชการ พ.ศ.๒๔๓๔ ตั้งกระทรวงยุติธรรม ตั้งกรมรถไฟ และเริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา พ.ศ.๒๔๓๕ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศตั้งกระทรวงธรรมการขึ้นเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๕ ตั้งศาลโปริสภา ส่งนักเรียนไปศึกษาวิชาทหารในยุโรป รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๓๖ ให้เอกชนเปิดเดินรถไฟสายปากน้ำ ฉลองพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์ครั้งแรก ตั้งมหามกุฎราชวิทยาลัย ตั้งสภาอุณาโลมแดง (สภากาชาดไทย) เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส พ.ศ.๒๔๓๗ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นสยามมกุฎราชกุมาร เริ่มจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล ตั้งโรงไฟฟ้า เริ่มกิจการรถราง พ.ศ.๒๔๓๙ โปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงพิเศษไปจัดการศาลตามหัวเมือง จัดทำงบประมาณแผ่นดินครั้งแรก ตั้งโรงเรียนฝึกหัดวิชาแพทย์ และผดุงครรภ์ พ.ศ.๒๔๔๐ เสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ปีระกา ตราข้อบังคับลักษณะปกครองหัวเมือง ตั้งโรงเรียนสอนวิชากฎหมาย เริ่มการสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนในยุโรป ปีละ ๒ ทุน พ.ศ.๒๔๔๑ ตั้งกรมเสนาธิการทหารบก รวมกรมไปรษณีย์และกรมโทรเลขเป็นกรมเดียวกัน กำเนิดเหรียญ "สตางค์" รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๔๒ เริ่มจัดตั้งกองทหารตามหัวเมือง เริ่มสร้างวัดเบญจมบพิตร ได้พระบรมสารีริกธาตุจากอินเดีย ทำสนธิสัญญากำหนดสิทธิจดทะเบียนคนในบังคับอังกฤษ พ.ศ.๒๔๔๔ ตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่นครราชสีมา เปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ-นครราชสีมา หล่อพระพุทธชินราชจำลอง บริษัทสยามไฟฟ้า ได้รับสัมปทานจำหน่ายไฟฟ้า เริ่มจุดโคมไฟตามถนนหลวง พ.ศ.๒๔๔๕ ตั้งกรมธนบัตร เริ่มใช้ธนบัตรครั้งแรก ตราพระราชบัญญัติธนบัตร ร.ศ.๑๒๑ ตั้งสามัคยาจารย์สมาคม ตั้งโอสถศาลา เปิดการเดินรถไฟหลวงสายใต้ ระหว่างกรุงเทพ-เพชรบุรี พ.ศ.๒๔๔๗ เสด็จประพาสต้นครั้งแรก ทำอนุสัญญากำหนดสิทธิการจดทะเบียนคนในบังคับฝรั่งเศส พ.ศ.๒๔๔๘ ตราพระราชบัญญัติทาส รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๔ ประกาศให้ลูกทาสเป็นไททั้งหมด ด้วยพระราชบัญญัติลักษณะทาส รัตนโกสินทร์ศก ๑๓๐ ตรงกับวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ให้เป็นวันที่ทาสหมดสิ้นจากราชอาณาจักรไทย ตั้งหอสมุดสำหรับพระนคร ตราพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร ฉบับแรก ทำอนุสัญญากำหนดสิทธิการจดทะเบียนคนในบังคับเดนมาร์ก และอิตาลี ทดลองจัดสุขาภิบาลที่ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ.๒๔๔๙ เสด็จประพาสต้นครั้งหลัง เปิดโรงเรียนนายเรือ เสียมณฑลบูรพา (เสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ) ให้ฝรั่งเศส พ.ศ.๒๔๕๐ เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ปีมะแม เสียดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส จัดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวครั้งแรก เปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา พ.ศ.๒๔๕๑ จัดการสุขาภิบาลตามหัวเมืองทั่วไป ประกาใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗ เลิกใช้เงินพดด้วง ตราพระราชบัญญัติทองคำ ร.ศ.๑๒๗ ใช้ทองคำเป็นมาตรฐานเงินตราแบบสากล สร้างพระบรมรูปทรงม้า เนื่องในโอกาสเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ๔๐ ปี วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๑ ตรงกับวันพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก จ้างช่างที่กรุงปรารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ทำ หล่อด้วยโลหะชนิดทองบรอนซ์นำมา ติดกับทองบรอนซ์เหมือนกันหนาประมาณ ๒๕ เซ็นติเมตร เป็นที่ม้ายืน โดยส่งเข้ามายังกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ประดิษฐานบนแท่นหินอ่อน อันเป็นแท่นรอง สูงประมาณ ๖ เมตร กว้าง ๒ เมตรครึ่ง ยาว ๕ เมตร พ.ศ.๒๔๕๒ เลิกใช้เงินเฟื้อง ซีก เสี้ยว อัฐ โสฬส เริ่มกิจการประปา เสียดินแดน ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปลิส ให้อังกฤษ พ.ศ.๒๔๕๓ มีการแสดงกสิกรรมและพาณิชยกรรม ครั้งแรก เสด็จสวรรคต เมื่อ ๒๔ ตุลาคม

No comments: