Monday, July 30, 2007

น้ำตาลแฝงในน้ำผลไม้อาจเกิดอันตรายได้



โฆษก สธ.ออกโรงเตือนอันตรายน้ำผลไม้บางยี่ห้อซึ่งมักจะเติมสารอาหารและสารเพิ่มรสชาติ ซึ่งมีโอกาสสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะน้ำผลไม้บางชนิดมีรสชาติหวานจัดที่มาจากการผสมน้ำตาล ถ้าดื่มติดต่อกันนานๆ จะก่อให้เกิดโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ตามมาได้ แนะน้ำดื่มที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ คือ น้ำเปล่าที่สะอาด วันหนึ่งควรดื่มประมาณ 8-10 แก้ว นายสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข้อมูลที่น่าตกใจว่า คนไทยกินผักผลไม้น้อยมาก เฉลี่ยเพียงคนละ 275 กรัม หรือแค่ 2 ขีดกว่า ขณะที่มาตรฐานสากลกำหนดให้กินอย่างน้อยวันละ 400 กรัม หรือประมาณ 5 ทัพพี ทั้งที่ผลไม้สดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามิน แร่ธาตุ สร้างภูมิคุ้มกันโรค มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และยังอุดมไปด้วยใยอาหารที่ร่างกายจะขาดไม่ได้ โดยการกินผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์เต็มที่ แนะนำให้กินผลไม้สด หากเป็นหลังเก็บใหม่ๆ ยิ่งดี เพราะจะได้รับวิตามินในผลไม้มากที่สุด และหากกินผักผลไม้สดวันละ 500 กรัมเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ได้ ร้อยละ 20
ส่วนการรณรงค์ให้คนไทยดื่มน้ำผลไม้ โฆษก สธ.กล่าวว่า เป็นเพียงการปรับพฤติกรรมจากการเคยดื่มน้ำเปล่าไปดื่มน้ำผลไม้เท่านั้น ขณะที่ผลดีต่อสุขภาพจะน้อยกว่ากินผลไม้สด จึงขอให้ใช้ความรอบคอบในการรณรงค์ว่าจะเกิดผลคุ้มค่าหรือไม่ การแปรรูปผลไม้ที่เหลือจากการกินสดเพื่อเป็นน้ำผลไม้นั้น ควรส่งเสริมเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่มีวัฒนธรรม และค่านิยมดื่มน้ำผลไม้แทนน้ำเปล่า
นายสง่า กล่าวเพิ่มเติมว่า น้ำผลไม้ที่วางขายอยู่ท้องตลาดมีกรรมวิธีการผลิต 2 รูปแบบ คือการคั้นด้วยมือแล้วบรรจุขวดและการผลิตผ่านโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมักจะเติมสารอาหารและสารเพิ่มรสชาติ ซึ่งมีโอกาสสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะวิตามินต่างๆ ไปมาก ที่ประชาชนควรระมัดระวังให้มากคือ น้ำผลไม้บางชนิดมีรสชาติที่เข้มข้น โดยเฉพาะรสหวานจัดที่มาจากการผสมน้ำตาล ถ้าดื่มติดต่อกันนานๆ จะก่อให้เกิดโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ตามมาได้ รวมทั้งให้เสียโอกาสที่จะได้สารอาหารและใยอาหารไปโดยไม่จำเป็น นักวิชาการด้านโภชนาการส่วนมากเห็นพ้องต้องกันว่า น้ำดื่มที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ คือ น้ำเปล่าที่สะอาด วันหนึ่งควรดื่มประมาณ 8-10 แก้ว

No comments: